แดกดันไม่ช่วยอะไร

สืบเนื่องจาก บทความ Middle Class Again ซึ่งคุณ mk (@markpeak) ได้เปิดประเด็นโจมตี "คนชั้นกลาง" (มีเครื่องหมายคำพูดคร่อม) ว่าคือคนกลุ่มนี้คือปัญหาของประเทศ ซึ่งผมอ่านแล้วก็พบว่าเป็นมุมมองที่น่าสนใจยังไม่เคยเจอ ก็เข้าไปสอบถาม ซึ่งคุณ mk ให้นิยามของคำว่า "ชนชั้นกลาง" ว่าคือชนชั้นกลางที่ขาดความเข้าใจโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ไทย โดยใช้คำว่า "ชนชั้นกลาง" นั้นไม่ "รู้"

ซึ่งผมได้แย้งไปว่ามันไม่ชัดเจนว่า คำว่า "รู้" ของคุณ mk คืออะไร ดังนั้นถ้าจะสรุปว่าชนชั้นกลาง "ไม่รู้" ก็ไม่มีใครทราบได้ว่าตกลงรู้และไม่รู้เรื่องอะไร ซึ่งคุณ mk ก็ได้ให้คำตอบว่า

"ผมจงใจใช้คำว่า "รู้" แบบไม่นิยาม คนที่เข้าใจจะเข้าใจครับ ถ้าคุณ ott ไม่เข้าใจ อันนี้ก็แปลว่า "ไม่รู้" นั่นล่ะครับ อันนี้ไม่รู้จะช่วยยังไงครับ ดูจากคอมเมนต์อื่นๆ ที่มาตอบบล็อกอันนี้ ก็มีคนที่ "รู้" อยู่เยอะทีเดียวเลยนะครับ ผมเป็นบล็อกเกอร์ตัวเล็กๆ ไม่ต้องสนใจว่าจะ "ไม่รู้" เรื่องอะไรที่ผมพูดก็ได้ครับ ไม่สำคัญเท่าไร อิอิ"
ซึ่งก็โอเคครับ ก็ไม่สนใจละกัน สรุปตกลงก็ยังไม่รู้ว่าอะไรที่ mk รู้แล้วชนชั้นกลางคนอื่นๆ ไม่รู้ แล้วทำให้เป็นปัญหาของประเทศ แต่ส่วนตัวคิดว่า ไอ้การจะว่าคนไหนรู้หรือไม่รู้เรื่องอะไร และกล่าวหาถึงขั้นว่าเป็นปัญหาของประเทศ ถ้ามีตัวชี้วัดที่มันชัดเจนหน่อยมันก็น่าจะดี ไม่งั้นก็เหมือนนั่งด่าคนฟรีๆ เฮ้ย มึงอะไม่รู้ มึงคือปัญหาของประเทศ แต่ไม่รู้เรื่องไรกูไม่บอกนะ แต่กูรู้ว่ามึงไม่รู้ละกัน

คุณ mk เคยพูดถึงการต้องมี "หลักฐานทางวิทยาศาสตร์" แต่พอถึงตาคุณเองกล่าวหาชาวบ้าน ก็ไม่เห็นว่าคุณจะมีเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้จะเรียกร้องหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เหมือนกับที่คุณเรียกร้องกับชาวบ้านหรอกนะ สำหรับผม การถ่ายทอดความคิดของตัวเองออกมาให้มันชัดเจนก็โอเคแล้ว กล้าด่าก็ต้องกล้าอธิบาย

แต่ประเด็นที่จะเขียนไม่ได้อยู่ที่เนื้อหาสาระของการสนทนา ทว่าอยู่ที่ format ของมัน ซึ่งทำให้ผมขี้เกียจตอบ โดยเหตุผลของผลคือ การตอบของคุณ mk จะมีลูกแถม มีช่องเหน็บแนมได้เหน็บ พูดง่ายๆ สำหรับผม ก็คือ กวนตีน ซึ่งก็ได้แจ้งคุณ mk ไปว่าถ้าจะกวนตีนไม่ตอบละกัน แต่เหมือนคุณ mk ยืนยันว่าไม่ได้กวนตีน ย้อนกลับมาถามผมว่า แค่ความเห็นไม่ตรงกันก็มาบอกว่ากวนตีน มันแปลกๆ นะ ก็เป็นที่มาของ blog อันนี้ เพื่อจะอธิบายว่าคุณ mk กวนตีนยังไง และผมไม่ได้มีปัญหากับการที่ความเห็นไม่ตรงแต่อย่างใด จริงๆ แล้วกลับกัน คือ ไม่ตรงกันถึงอยากสนทนา

ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าคุณ mk กำลังขึ้นเวทีปราศัยต่อผู้ชุมนุม หรือ หาเสียง จะพูดอะไรกวนตีนบ้างเพื่อสร้างความฮึกเหิม ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ รวมถึงจริงๆ แล้วในเว็บดังกล่าวก็เป็นเว็บส่วนตัวของคุณ mk เอง ถ้าจะกวนตีนจริงๆ แล้วก็ไม่ผิดอะไร คือ สามารถตอกกลับได้ว่า ก็นี่เว็บกูนี่หว่า แต่ผมถือว่าการสนทนาแลกเเปลี่ยนความเห็นมันควรเน้นที่เนือหา ไม่ใช่มีช่องก็แดกดัน ผมก็เลยมาตอบใน blog ผมละกัน

ผมเสนอความคิดไป 1 ย่อหน้า คำตอบที่ได้คือ อย่ามัวแต่ "คิดว่า" คือ ผมไม่เห็นว่าการใช้คำว่า "ผมคิดว่า" มันจะผิดตรงไหน เพราะเป็นการเสนอความคิด จริงๆ แล้วสิ่งที่คุณโจมตีชนชั้นกลางก็เป็นการเสนอความคิดเหมือนกัน แต่กลับได้รับคำตอบว่า แนะนำให้ไปลงฟิลด์ อย่ามัวแต่คิดว่า คิดว่า แถมด้วยแดกดันเล็กๆ

"ถ้าคุณ ott ไม่สะดวกกายหรือสะดวกใจที่จะลงฟิลด์ อันนี้ผมก็ไม่รู้จะแนะนำยังไงเหมือนกันครับ"

ซึ่งผมไม่ทราบได้ว่าทำไมคุณต้องไปดูถูกคนอื่นว่าไม่สะดวกกายหรือสะดวกใจที่จะทำอะไรด้วยล่ะครับ คุณลงฟิลด์เป็นคนเดียวหรือไร แต่ก็โอเคอันนี้เบาะๆ คุยต่อได้ ซึ่งก็ได้อธิบายกลับไปว่า ผมไปชุมนุม ฟังแกนนำมาแล้วทั้งเหลืองทั้งแดงนะ ก็ได้รับคำตอบแดกดันรอบสองว่า

ยินดีด้วยครับ ที่ก้าวพ้นหอคอยงาช้างของคนชั้นกลางแล้ว ขอให้ได้คำตอบกับบ้านเมืองนะครับ

หอคอยงาช้างเหี้ยไรละครับ?

คุณมาหาว่าผมนั่งเทียนไม่ลงฟิลด์ พอผมบอกว่าลงแล้ว ก็แดกดันกลับว่ายินดีด้วย ก้าวพ้นหอคอย แบบนี้ไม่เรียกกวนตีนเหรอครับ หรือปกติพูดจากับพ่อแม่พี่น้องก็แบบนี้?

ตบท้ายด้วย

ถอยไปถึงรัฐประหาร และม็อบเหลืองออกมาดีไหมครับ? หรือจะไปถึงปี 19 เลย?
ก็แล้วแต่ดิครับ ก็คุณบอกให้ถอยไป 10 เม.ย. ผมบอกคิดแบบคุณก็ถอยได้อีก ซึ่งคำตอบที่ตอบมาก็ไม่รู้ประเด็นคืออะไร เสนอให้ทำอะไร และเหน็บท้ายด้วย
ฝากถามคำถามนี้ไปยังคุณ hui ด้วยนะครับ บริษัทเดียวกันน่าจะถามง่ายกว่าครับ
อ่าว เกี่ยวไรกับเนื่อหาวะเนี่ย แล้วทำไมมันเป็นยังไง มีอะไรถามเองไม่ได้หรือไงครับ คุณเขียนข่าวให้ LTN เป็นเวลากี่ปี? อีตอนนั้นจะหางานก็เห็นคุยกันอยู่? พอตอนนี้จะทำแดกดันฝากถาม ถ้าตั้งใจจะถามจริงๆ ช่องทางต่างๆ มากมาย คงถึงเร็วกว่าฝากเยอะ เข้าใจว่าคงไม่ได้อยากได้คำตอบจริงๆ คงจะแค่แดกดันเฉยๆ

สรุปก็คือ คุณใช้วาทศิลป์ แทรกสอดคำแดกดัน เข้าไปในเนื้อหาการสนทนากับคนที่ความเห็นไม่ตรงกับคุณ โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็แล้วแต่ ซึ่งผมถือว่ารบกวนการสนทนา ซึ่งคุณไม่เข้าใจผมก็อธิบายให้ฟังแล้วข้างต้นนะครับ

มันอาจจะเป็นสไตล์การสนทนาของคุณ mk (เมื่อกี๊้เข้าไปนั่งอ่านๆ blognone ก็จริงๆ ก็เห็นคุณแดกดันชาวบ้านคนอื่นเหมือนกัน) ซึ่งทำโดยจงใจหรือเปล่าก็มิทราบได้ เพียงแต่ผมไม่ชินเท่านั้น

ส่วนตัวผมคิดว่าการแดกดันไม่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเอง (บอกว่า "คิดว่า" เด๋วแม่งย้อนด่ากูอีกปะเนี่ย) แต่ผมอาจจะผิดก็ได้ คุณ mk อาจจะก้าวไปสู่ความสำเร็จ ด้วยวาทะแดกดันแบบนี้ ก็ขอให้โชคดี

ความคิดเห็น

samphan กล่าวว่า
เข้าใจว่า mk พยายามจะ enlighten คนที่เถียงด้วย ต่อจากนั้นยัง IM ไปคุยกับผมต่ออีกหลายชม.จนพบว่าไม่อาจ enlighten คนแก่ปัญญาทึบได้จึงเลิกไป ด้วยข้อหาว่าผมเป็นคนทำให้คนเสื้อแดงเพิ่มขึ้น!

ส่วนวิธีเถียงแบบ"กวนทีน"นั้นเห็นใช้กันบ่อยๆในหมู่นักวชก.แดง นัยว่าเป็นการถกเถียงแบบวิภาษวิธีอะไรสักอย่าง คนไอทีอย่างเราคงไม่มีทางเข้าใจได้จริงๆ -_-!
anucha กล่าวว่า
เ็ห็นด้วยกับคุณ ott ครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
Beamer User กล่าวว่า
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
Beamer User กล่าวว่า
จริง ๆ แล้วมันเป็นปัญหากับคนที่อ่านหนังสือเยอะ ๆ นะครับ แล้วข้ามไม่พ้นตัวเอง จะเป็นมากตอนที่เข้าใจว่าตัวเองเข้าใกล้โปรฯ และยังสนุกกับชีวิตปลอม การมีครอบครัวจะช่วยได้นิดหน่อย การเลี้ยงลูกจะช่วยได้เยอะ

เช่นเวลาเถียงกัน ก็จะบอกว่าไปอ่านหนังสือหรือบทความนั้นดู บลา บลาฯ ถ้ายังไม่อ่านก็จะไม่คุย
สมมติว่าไปอ่านมาแล้ว คนเหล่านี้ก็จะบอกว่าอ่านไม่เข้าใจ

มันเป็นกัน ทุกคนแหละครับ ไม่ว่าฝ่ายไหน อย่างฝ่าย
มาร์ค(นายกฯ)ตกขอบเนี่ย ลองไปถามถึงผลงานมาร์คดูก็ได้ครับ ตอบไม่ได้หรอก บางคนตอบว่าชอบเพราะมาร์คชอบฟุตบอล งี่เง่าไหม

อีกตัวอย่างที่เห็น ชัดคือคนที่ศึกษาธรรมะเยอะ(แต่ไม่แตกฉานเรื่องปฏิบัติ) ลองไปถามความรู้สิครับ ถ้าไม่ได้คำบาลีหรือประโยคเด็ดของพระดัง ๆ ให้เตะเลย แต่ไม่ได้ความรู้หรอกนะ

ผมเนื้อความนี้ของคุณ Ott นะครับ ตรง "เหี้ยอะไรวะ" มันแสดงอารมณ์ได้ดี ชอบจริง ๆ ไม่ได้มุข
Beamer User กล่าวว่า
ที่เขียนเนี่ย ผมก็เป็นนะครับ เป็นมากตอนช่วง 30-32 พอลูกโตแล้วก็เลยเข้าใจบ้าง
Unknown กล่าวว่า
แค่คิดว่ามีแค่ 3 ชนชั้น ก็ผิดแล้ว

แล้วยังคิดว่า ชนชั้นนี้ ต้องเป็นอย่างนี้ ชนชั้นโน่น ต้องเป็นอย่างโน่น อันนี้ยิ่งไปกันใหญ่
dark1power กล่าวว่า
MK อีกแล้ว 55+

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คุณเป็นผู้นำหรือผู้ตาม?

ขับรถในประเทศไทยอันตรายที่สุด

พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒